ทศชาติชาดก
ทศชาติชาดก
เป็นชาดกที่สำคัญ กล่าวถึง ๑๐ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะเสวยพระชาติมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าหรือเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์
ชาดกทั้ง ๑๐ เรื่องมี ดังนี้
๑. เตมีย์ชาดก บำเพ็ญเนกขัมมบารมี
๒. ชนกชาดก บำเพ็ญวิริยบารมี
๓. สุวรรณสามชาดก บำเพ็ญเมตตาบารมี
๔. เนมิราชชาดก บำเพ็ญอธิษฐานบารมี
๕. มโหสถชาดก บำเพ็ญปัญญาบารมี
๖. ภูริทัตชาดก บำเพ็ญศีลบารมี
๗. จันทชาดก บำเพ็ญขันติบารมี
๘. นารทชาดก บำเพ็ญอุเบกขาบารมี
๙. วิทูรชาดก บำเพ็ญสัจจบารมี
๑๐.เวสสันดรชาดก บำเพ็ญทานบารมี
เนื้อเรื่องโดยย่อ
๑. เตมียชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี
คือการออกบวชหรือออกจากกาม
เล่าเรื่องเตมียราชกุมาร เกรงการที่จะได้ครองราชสมบัติ
เพราะทรงสลดพระหฤทัยที่เห็นราชบุรษลงโทษโจรตามพระราชดำรัสของพระราชา เช่น
เฆี่ยนพันครั้งบ้าง เอาหอกแทงบ้าง เอาหลาวเสียบบ้าง
จึงใช้วิธีแสร้งทำเป็นง่อยเปลี้ย หูหนวก เป็นใบ้ไม่พูดจากับใคร แม้จะถูกทดลองต่าง
ๆ ก็อดกลั้นไว้ ไม่ยอมแสดงอาการพิรุธให้ปรากฏ
ทั้งนี้เพื่อจะเลี่ยงการครองราชสมบัติ พระราชาปรึกษาพวกพรากมณ์
ก็ได้รับคำแนะนำใหนำราชกุมารไปฝังเสีย
พระราชมารดาทรงคัดค้านไม่สำเร็จ
ก็ทูลขอให้พระราชกุมารครองราชสัก ๗ วัน แต่พระราชกุมารก็ไม่ยอมพูด ต่อเมื่อ ๗
วันแล้ว สารถีนำราชกุมารขึ้นสู่รถเพื่อจะฝังตามรับสั่งพระราชา
ขณะที่ขุดหลุ่มอยู่พระราชกุมารก็เสด็จลงจากรถ ตรัสปราศัยกับนายสารถี
แจ้งความจริงให้ทราบว่า มีพระประสงค์จะออกบวชสารถีเลื่อมใสในคำสอนขอออกบวชด้วย
จึงตรัสให้นำรถกลับไปคืนก่อน สารถีนำความไปเล่าถวายพระราชมารดา พระราชบิดาให้ทรงทราบ
ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยอำมาตย์ราชบริพารจึงได้เสด็จออกไปหา
เชิญให้พระราชกุมารเสด็จกลับไปครองราชสมบัติ
แต่พระราชกุมารกลับถวายหลักธรรมให้ยินดีในเนกขัมมะ คือการออกจากกาม
พระชนกชนนีพร้อมด้วยบริวารทรงเลื่อมใสในคำสอน ก็เสด็จออกผนวชและบวชตาม และได้มีพระราชาอื่นอีกเป็นอันมากสดับพระราชโอวาทขอออกผนวชตาม
๒. มหาชนกชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญวิริยบารมี คือความพากเพียร ใจความสำคัญ
คือพระมหาชนกราชกุมารเดินทางไปทางทะเล เรือแตก คนทั้งหลายจมน้ำตายบ้าง
เป็นเหยี่อของสัตว์น้ำบ้าง แต่ไม่ทรงละความอุตสาหะ
ทรงว่ายน้ำโดยกำหนดทิศทางแห่งกรุงมิถิลา
ในที่สุดก็ได้รอดชีวิตกลับไปถึงกรุงมิถิลาได้ครองราชสมบัติ
ชาดกเรื่องนี้เป็นที่มาแห่งภาษิตที่ว่า เป็นชายควรเพียรร่ำไป อย่างเบื่อหน่าย (
ความเพียร ) เสีย, เราเห็นตัวเองเป็นได้อย่างที่ปรารถนา, ขึ้นจากน้ำมาสู่บกได้
๓. สุวรรณสามชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเมตตาบารมี
คือการแผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทั่วหน้า มีเรื่องเล่าว่า
สุวรรณสามเลี้ยงมารดาบิดาของตนซึ่งเสียจักษุในป่า
และเนื่องจากเป็นผู้มีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น หมู่เนื้อก็เดินตามแวดล้อมไปในที่ต่าง
ๆ วันหนึ่งถูกพระเจ้ากรุงพาราณสี ชื่อปิลยักษ์ยิงเอาด้วยธนูด้วยเข้าพระทัยผิด
ภายหลังเมื่อทราบว่าเป็นมาณพผู้เลี้ยงมารดาบิดา ก็สลดพระทัย
จึงไปจูงมารดาบิดาของสุวรรณสามมา
มารดาบิดาของสุวรรณสามก็ตั้งสัจจกิริยา
อ้างคุณความดีของสุวรรณสามขอให้พิษของศรหมดไป สุวรรณสามก็ฟื้นคืนสติ
และได้สอนพระราชา แสดงคติธรรมว่า ผู้ใดเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม
แม้เทวดาก็ย่อมรักษาผู้นั้น ย่อมมีคนสรรเสริญในโลกนี้
ละโลกนี้ไปแล้วก็บันเทิงในสวรรค์ ต่อจากนั้นเมื่อพระราชาให้สั่งสอนต่อไปอีก
ก็สอนให้ทรงปฏิบัติธรรมปฏิบัติชอบในบุคคลทั้งปวง
๔ . เนมิราชชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี
คือความตั้งมั่นคง มีเรื่องเล่าว่า
เนมิราชกุมารได้ครองราชสืบสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา
ทรงบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นที่รักของมหาชน และในที่สุด
เมื่อทรงพระชราก็ทรงมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส เสด็จออกผนวชเช่นเดียวกับที่พระราชบิดาของพระองค์เคยทรงบำเพ็ญมา
๕ . มโหสถชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญปัญญาบารมี
คือความทั่วถึงสิ่งที่ควรรู้
มีเรื่องเล่าว่า
มโหสถบัณฑิตเป็นที่ปรึกษาหนุ่มของพระเจ้าวิเทหะแห่งกรุงมิถิลา ท่านมีความฉลาดรู้
สามารถแนะนำในปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องรอบคอบ เอาชนะที่ปรึกษาอื่น ๆ
ที่ริษยาใส่ความ ด้วยความดีไม่พยาบาทอาฆาต
ครั้งหลังใช้อุบายป้องกันพระราชาจากราชศัตรู
และจับราชศัตรูซึ่งเป็นกษัตริย์พระนครอื่นได้
๖ . ภูริทัตชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญบำเพ็ญศีลบารมี
คือการรักษาศีล มีเรื่องเล่าว่า
ภูริฑัตตนาคราชไปจำศีลอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ยอมอดทนให้หมองูจับไปทรมารต่าง ๆ
ทั้ง ๆ ที่สามารถจะทำลายหมองูได้ด้วยฤทธิ์ มีใจมั่นต่อศีลของตน
ในที่สุดก็ได้อิสรภาพ
๗ . จันทกุมารชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญขันติบารมี
คือความอดทน มีเรื่องเล่าว่า
จันทกุมารเป็นโอรสของพระเจ้าเอกราช เคยช่วยประชาชนให้พ้นจากคดี ซึ่งกัณฑหาลพราหมณ์
ราชปุโรหิตาจารย์รับสินบนตัดสินไม่เป็นธรรม ประชาชนก็พากันเลื่อมใสเปล่งสาธุการ
ทำให้กัณฑหาลพราหมณ์ผูกอาฆาตในพระราชกุมาร
เมื่อพระเจ้าเอกราชทรงราชสุบิน เห็นดาวดึงสเทวโลก
เมื่อตื่นจากบรรทมทรงใคร่จะทราบทางไปสู่เทวโลก ตรัสถามกัณฑหาลพราหมณ์
จึงเป็นโอกาสให้พราหมร์แก้แค้นด้วยการกราบทูลแนะนำให้ตัดพระเศียรพระโอรส ธิดา
เป็นต้นบูชายัญ
พระเจ้าเอกราชเป็นคนเขลา
ก็สั่งจับพระราชโอรส ๔ พระองค์ พระราชธิดา ๔ พระองค์ ไปที่พระลานหลวง
เพื่อเตรียมประหารบูชายัญ นอกจากนั้นยังสั่งจับพระมเหสี ๔ พระองค์ และคนอื่น ๆ อีก
เพื่อเตรียมการประหารเช่นกัน แม้ใครจะทัดทานขอร้องก็ไม่เป็นผล ร้อนถึงท้าวสักกะ (
พระอินทร์) ต้องมาข่มขู่และชี้แจงให้หายเข้าในผิดว่า วิธีนี้ไม่ใช่ทางไปสวรรค์ มหาชนจึงรุมฆ่าพราหมณ์ปุโรหิตนั้นและเนรเทศพระเจ้าเอกราช
แล้วกราบทูลเชิญจันทกุมารขึ้นครองราชย์
๘ . นารทชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
คือการวางเฉย มีเรื่องเล่าว่า
พรหมนารทะช่วยเปลื้องพระเจ้าอังคติราชให้กลับจากความเห็นผิด มามีความเห็นชอบตามเดิม
( ความเห็นผิดนั้น เป็นไปในทางว่าสุขทุกข์เกิดเองไม่มีเหตุ คนเราเวียนว่ายตายเกิด
หนักเข้าก็บริสุทธิ์ได้เอง ซึ่งเรียกว่าสังสารสุทธิ)
๙ . วิฑูรชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญสัจจบารมี
คือความสัตย์
มีเรื่องเล่าว่าถึงวิฑูรบัณฑิต ซึ่งเป็นผู้ถวายคำแนะนำประจำราชสำนัก
พระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะเป็นผู้ที่พระราชา และประชาชนรักใคร่เคารพนับถือมาก
ครั้งหนึ่งปุณณกยักษ์มาท้าพระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะเล่นสกา ถ้าตนแพ้จักถวายมณีรัตนะอันวิเศษ
ถ้าพระราชาแพ้ ก็จะพระราชทานทุกสิ่งที่ต้องการ เว้นแต่พระกายของพระองค์ ราชสมบัติ
และพระมเหสี
ในที่สุดพระราชาแพ้
ปุณณกยักษ์จึงทูลขอตัววิฑูรบัณฑิต พระราชาจะไม่พระราชทานก็เกรงเสียสัตย์
พระองค์ตีราคาวิฑูรบัณฑิตยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองใด ๆ
ทรงหน่วงเหนี่ยวด้วยประการต่าง ๆ แต่ก็ตกลงกันไปไต่ถามให้วิฑูรบัณฑิตตัดสิน
วิฑูรบัณฑิตก็ตัดสินให้รักษาสัตย์ คือตนเองยอมไปกับยักษ์
ความจริงยักษ์ต้องการเพียงเพื่อจะนำหัวใจของวิฑูรบัณฑิตไปแลกกับธิดาพญานาค
ซึ่งความจริงเป็นอุบายของภริยาพญานาคผู้ใคร่จะได้สดับธรรมของวิฑูรบัณฑิต
จึงตกลงกับสามีว่า ถ้าปุณณกยักษ์ต้องการธิดาของตน ก็ขอให้นำหัวใจของวิฑูรบัณฑิตมา
แม้ยักษ์จะหาวิธีทำให้ตายก็ไม่ตาย
วิฑูรบัณฑิตกลับแสดงสาธุนรธรรม ( ธรรมของคนดี)
ให้ยักษ์เลื่อมใสและได้แสดงธรรมแก่พญานาค ในที่สุดก็ได้กลับสู่กรุงอินทปัตถ์
มีการฉลองรับขวัญกันเป็นการใหญ่
๑๐ . เวสสันดรชาดก
ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญทานบารมี
คือบริจากทาน
มีเรื่องเล่าถึงพระเวสสันดรผู้ใจดีบริจากทุกอย่างที่มีคนขอ
ครั้งหนึ่งประทานช้างเผือกคู่บ้านคู่เมืองแก่พราหมณ์ชาวกาลิงคะ
ซึ่งมาขอช้างไปเพื่อให้หายฝนแล้ง แต่ประชาชนโกรธขอให้เนรเทศ
พระราชบิดาจึงจำพระทัยเนรเทศ ซึ่งพระนางมัทรีพร้อมด้วยโอรส ธิดาได้ตามเสด็จไปด้วย
เมื่อชูชกไปขอสองกุมาร ก็ประทานอีก
ภายหลังพระเจ้าสญชัยพระราชบิดาทรงไถ่สองกุมาร แล้วเสด็จไปรับกลับกรุง (
เรื่องนี้แสดงการเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่
คือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อันจะเป็นทางให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวมได้ดียิ่ง
มิใช่เสียสละโดยไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเหตุผล)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น